วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

3 ก๊ก

ในยุคสมัยสามก๊ก แผ่นดินถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย
วุ๊ยก๊ก ปกครองโดยโจโฉ นับเป็นส่วนที่ใหญ่สุดในสมัยนั้น
ง่อก๊ก ปกครองโดยซุนกวน
จ๊กก๊ก ปกครองโดยเล่าปี่

โจโฉ นั้นมีเบื้องหลังกับเล่าปี่ โดยมองการณ์ว่า หากปล่อยให้เนิ่นนานไป
อาจทำให้จ๊กก๊กแข็งแกร่งขึ้นมา แล้วสามารถย้อนกลับมาทำร้ายวุ๊ยก๊กได้
ดังนั้นจึงอาศัยจังหวะที่จ๊กก๊ก ยังมีขนาดที่เล็กและไม่แข็งแกร่งเพียงพอ
ได้นำกำลังนับล้านมาบุก หวังจะรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งต่อไป
โดยคาดหวังว่าหากได้จ๊กก๊กแล้ว ง่อก๊กก็คงจะไม่รอดแน่นอน
ฝ่ายขงเบ้ง ซึ่งเป็นกุนซือของเล่าปี่ ทราบข่าวก็รู้ตัวว่า ในเวลานี้จ๊กก๊กมิอาจสู้รบตามลำพังกับวุ๊ยก๊กได้
จึงขออาสาเล่าปี่ ไปเจรจากับซุนกวนเพื่อให้นำทัพมาร่วมรบขนาบตีโจโฉทั้ง 2 ด้าน
โดยหวังสร้างพันธมิตร เพื่อต่อกรกับทัพใหญ่ของโจโฉที่เดินทางมาไกล
ฝ่ายซุนกวนนั้นไม่แน่ใจในการตัดสินแต่เพียงลำพัง แต่เนื่องจากพระบิดาได้
สั่งเสียไว้ว่าหากมีเรื่องใหญ่ขอให้ปรึกษา จิวยี่ ซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่
ที่มีความเชี่ยวชาญทางการรบในน้ำ และคิดว่าตนเองเป็นหนึ่งทั้งบุ้นและบู้
เมื่อจิวยี่ทราบข่าว ตนเองก็ต้องการทำศึก เนื่องจากเป็นแม่ทัพใหญ่
แต่ก็ทำทีเป็นไม่กล้าตัดสินใจ ฝ่ายขงเบ้งจึงแกล้งแต่งกลอนแล้วบอกว่าเป็นกลอนของโจโฉ
ที่แต่งเพื่ิบอกกล่าวว่า โจโฉไม่ได้อยากทำศึก เพียงแค่ต้องการหญิงงามแห่งยุคทั้ง 2 คนเป็นคู่ชู้เลย
ซึ่งในสมัยนั้นหญิงงานแห่งยุคทั้ง 2 นั้นเป็นพี่น้องกัน โดยคนพี่แต่งกับซุนกวน
ส่วนคนน้องนั้นแต่งงานกับจิวยี่นั่นเอง เมื่อจิงยี่ได้ฟังกลอนจากขงเบ้งก็มิอาจกลั้นโมโหได้
จึงประกาศทำศึก ทำให้เกิดศึกใหญ๋ขึ้นในแผ่นดินสามก๊ก โดยง่อก๊กจับเมื่อกับจ๊กก๊ก
เพื่อรับศึกจากวุ๊ยก๊ก ในระหว่างเตรียมทำศึกนั้น จิวยี่ก็ได้ลองภูมิของขงเบ้ง
หลายครั้งหลายครา จนแน่ใจว่า ขงเบ้งนั้นหากเป็นศัตรูด้วยก็จะลำบากในอนาคต
จึงวางแผนกำจัดขงเบ้งหลายครั้ง แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ด้วยขงเบ้งรู้ทันทุกครั้ง

จุดแตกหักของเรื่องคือจิวยี่ได้วางแผนให้หลอกโจโฉว่า ตนเองทะเลาะกับแม่ทัพและสั่ง
ทำโทษอย่างรุนแรง แล้วให้แม่ทัพลอบไปสวามิภักดิ์กับโจโฉ โดยโจโฉเชื่ออย่างสนิทใจ
เนื่องจากตนเองมีใส้ศึกอยู่ในง่อก๊ก ซึ่งยืนยันว่าแม่ทัพนั้นได้รับโทษอย่างรุ่นแรง
เนื่องจากทะเลาะกับจิวยี่ เมื่อแม่ทัพได้มาอยู่กับโจโฉ ก็แสร้งออกอุบายว่า ฝ่ายโจโฉ
ไม่ถนัดรบทางน้ำ ทำให้ไพร่พล ไม่สบาย เนื่องจากเมาคลื่น และแนะนำให้นำเรือมาต่อกัน
ทำให้เรือจับเป็นกลุ่มใหญ่ ช่วยลดอาการเมาคลื่อของทหารได้ ฝ่ายโจโฉก็เห็นด้วย
แต่เกรงเรื่องไฟ เนื่องจากถ้าเรือถูกเผา ก็จะถูกทำลายลงมากกว่าเดิม แต่ก็นึกว่า
ตนเองรอบคอบแล้ว เนื่องจากคำนวณว่าลมจะพัดเข้าหาฝ่ายจิวยี่แทน ทำให้ตนเองไม่เป็นอันตราย
ซึ่งเมื่อรบกันจริงๆ ก็เป็นไปตามคาด ทำให้จิวยี่ถึงกับล้มป่วย เนื่องจากไม่ได้คิดว่าลม
จะพัดเข้าใส่ฝั่งตน ทำให้ไม่สามารถใช้ไฟจู่โจมฝั่งโจโแได้ อีกทั้งทำให้ฝ่ายตนรบพ่ายแพ้
หลายครั้งหลายครา ฝ่านขงเบ้งซึ่งเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ในอนาเขตของง่อก๊ก ก็คำนวณว่า
อีกไม่นานลมจะกลับทิศไปยังฝั่งโจโฉ จึงออกอุบายขอให้จิวยี่อนุญาติตนทำพิธ๊เรียกลม
เมื่อลมกลับทิศตามคาด จิวยี่ก็ดีใจสั่งกองทัพเรือโจมตีโจโฉจนโจโฉแตกพ่าย
แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าขงเบ้งก็เป็นอันตรายเช่นกัน จึงสั่งกำจัดขงเบ้ง
แต่ขงเบ้งก็อาศัยจังหวะหลบหนีกลับไปได้
และในภายหลังจิวยี่ก็มาเสียชีวิต เพราะช้ำใจที่พ่ายทัพขงเบ้งหลายครั้งหลายครา
จนมีคำกล่าวว่า จิวยี่ถ่มน้ำลายรดฟ้า แล้วบอกว่า ฟ้าให้จิวยี่มาเกิดใยส่งขงเบ้งมาเกิดด้วย

ฝ่ายโจโฉเมื่อทัพแตกก็หลบหนี แต่ก็ถูกขงเบ้งส่งคนไปดักรอทุกครั้ง จนนึกว่าตนเองคงไม่รอด
แต่ท้ายที่สุดก็ไปเจอกวนอู และกวนอูได้ปล่อยให้โจโฉหนีไปได้
เนื่องจากกวนอูเคยติดค้างน้ำใจของโจโฉมาก่อน สมัยตนเองพ่ายทัพโจโฉ
แต่โจโฉก็ดูแลอย่างดี เนื่องจากไม่ต้องการให้กวนอูกลับไปอยู่กับเล่าปี่
ซึ่งจะทำให้ตนเองลำบากมากขึ้น เมื่อต้องการยึดจ๊กก๊ก ซึ่งจริงๆแล้วก็เป็นอุบายของขงเบ้ง
อีกเช่นกัน ที่ต้องการให้กวนอูใช้หนี้บุญคุญคืนกลับโจโฉ เพื่อจะได้ให้กวนอู
สามารถรบได้อย่างสบายใจในภายหลังโดยไม่มีข้อกังวลอีก นี่จึงเป็นที่มาว่ากวนอู
เป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ เนื่องจากยอบรับโทษตายที่ปล่อยศัตรูหลบหนี
เพียงเพื่อใช้หนี้บุญคุณในอดีต ซึ่งในท้ายที่สุดขงเบ้งก็ละเว้นโทษตายให้แก่กวนอู
เนื่องจากกวนอูเป็นแม่ทัพที่เก่ง อีกทั้งยังเป็นน้องร่วมสาบานกับเล่าปี่ผู้เป็นเจ้านาย
(กวนอูอายุมากกว่าเล่าปี่ แต่ยอมตนเป็นน้องเนื่องจากเคารพในตัวเล่าปี่)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น